ฟีเจอร์
26 มกราคม 2561
นักสร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ในแอลเอสร้างภาพยนตร์สั้นที่ใช้ทุนน้อยแต่ถ่ายทอดไอเดียยิ่งใหญ่
MacBook Pro, Final Cut Pro X และ LA Film Community ร่วมกันส่งเสริมการผลิตภาพยนตร์ในท้องถิ่น
เช้าวันเสาร์ เดือนพฤศจิกายน ในเมืองลอสแอนเจลิส ทีมงานของกองถ่ายซึ่งประกอบด้วยนักเรียน 10 คนจาก Hollywood High School นำโดยผู้กำกับวัย 17 ปี Celine Gimpirea กำลังปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์มุมหนึ่งของ Calgary Cemetery ให้กลายเป็นฉากสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่อง The Box เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เข้าไปในกล่องกระดาษแล้วพบว่าตัวเองได้เดินทางไปยังที่ต่างๆ เบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์สั้นในสนามหญ้าสีเขียวขจีที่ตัดแต่งอย่างสวยงาม ท่ามกลางป้ายหินแกรนิตสลักชื่อบนหลุมฝังศพ คือ DTI Station ในกล่องสีดำ iPad และ MacBook Pro ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดเรื่องราวให้สมจริง
ทีมของ Gimpirea เป็นหนึ่งในสามทีมผู้สร้างภาพยนตร์ที่เข้าร่วมเวิร์คช็อปหนึ่งเดือน ซึ่งนำเอามืออาชีพที่มีความคิดสร้างสรรค์มาร่วมงานกับนักสร้างภาพยนตร์หน้าใหม่ ทั้งสามทีมใช้เครื่องมืออันทรงพลังจาก Apple ไม่ว่าจะเป็น MacBook Pro, iMac และ Final Cut Pro X รวมทั้งกล้อง RED Raven สำหรับการถ่ายทำ และทำงานใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญของ Apple Retail และมืออาชีพในวงการ กลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์อิสระในแอลเอที่ใช้ชื่อว่า We Make Movies มาร่วมให้คำแนะนำหลังการถ่ายทำเพื่อช่วยให้ผู้กำกับรุ่นใหม่ค้นพบแนวทางของตัวเอง
สารคดีเรื่อง La Buena Muerte ผลิตโดยกลุ่มผู้สอนวิชาภาพยนตร์จาก Mobile Film Classroom องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จัดเวิร์คช็อปทางดิจิทัลมีเดียให้กับเยาวชนในชุมชนที่ด้อยพัฒนา ภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวถึงคุณธรรมและสายสัมพันธ์ในครอบครัวที่เชื่อมโยงกับ Day of the Dead เทศกาลที่ชาวเม็กซิกันจะรำลึกและแสดงความอาลัยถึงคนรักที่ได้ล่วงลับไปแล้ว และในเรื่อง The Dancer ผู้กำกับ Krista Amigone นำความรู้ด้านการละครและการออกแบบท่าเต้นเมื่อครั้งสมัยอยู่นิวยอร์กมาใช้เล่าเรื่องราวจากชีวิตจริงเกี่ยวกับนักเต้นที่ได้พบกับคนรักที่เสียไป
ในช่วงสองสัปดาห์ของการตัดต่อ ทีมนักสร้างภาพยนตร์ได้มีโอกาสร่วมงานกับ Creative Pro ของ Apple Retail และได้รับคำแนะนำจากแขกรับเชิญที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างเซอร์ไพรส์ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งแต่ละท่านเป็นผู้บุกเบิกของวงการผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์
ที่ปรึกษาคนแรกๆ ที่มาดูเรื่อง The Dancer คือ Sean Baker ผู้กำกับ The Florida Project ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2017 รวมทั้ง Tangerine ในปี 2015 ที่ถ่ายทำโดยใช้ iPhone 5S ทั้งเรื่อง Baker ซึ่งตัดต่อภาพยนตร์ด้วยตัวเอง เป็นผู้ควบคุมคีย์บอร์ดของ iMac ระหว่างเลือกดูคลิปจากการถ่ายทำของ Amigone แต่ละเทคจะถูกมาร์คไว้ด้วยแอพ Movie Slate บน iPad ซึ่งสามารถจัดเก็บและบันทึกข้อมูลไทม์โค้ดไว้โดยอัตโนมัติ นับเป็นการใช้เวลาในเซสชั่นกับผู้กำกับชื่อดังอย่างคุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ พวกเขายังได้พูดคุยเกี่ยวกับความเป็นมาของ Amigone อีกด้วย เธอมีลูกสาวอายุสามขวบหนึ่งคนและเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เธอรู้วิธีจัดการกับเวลาและทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เธอไม่ได้แค่เขียนบทและกำกับการแสดงเท่านั้น แต่ยังแสดงนำและออกแบบท่าเต้นเองอีกด้วย ท่าเต้นจึงออกมาซับซ้อนอย่างที่เธอถนัด
นอกจากนี้ Amigone ยังได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Lionel Martin ผู้เชี่ยวชาญของ Apple Retail และเพื่อนนักสร้างภาพยนตร์ ในช่วงของการทำงานหลังการถ่ายทำ ขณะที่ Martin กำลังทดลองใช้วงล้อสีใน Final Cut Pro X Amigone ก็อธิบายอารมณ์ที่เธอต้องการสื่อออกมาระหว่างที่เธอ ในบทบาท the Dancer กำลังเต้นไปตามจังหวะเพลงของนักเปียโน ใต้แสงไฟอันสว่างไสวในสตูดิโอเต้นรำของฮอลลีวู้ด หลังจากที่ Martin และ Amigone ได้ปรับแต่งสีของวิดีโอที่ถ่ายโดยช่างกล้อง Art Chong และออกแบบการถ่ายทำโดย Sapna Gandhi เรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือความลงตัวในฉากฟลอร์เต้นรำอันสว่างไสวและรีเวิร์สช็อตของนักเปียโนในเงามืด “แบบนี้แหละใช้ได้เลย” Martin กล่าว “เขาได้รับความสว่างนิดๆ จากเธอ” Amigone กล่าวว่าแสงสีทองทำให้เธอนึกถึง Isadora Duncan ผู้ซึ่งใช้พลังการเต้นจาก Solar Plexus ศูนย์รวมพลังงานและระบบประสาทในร่างกายที่เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์
ขณะที่ดวงอาทิตย์สาดแสงทั่วแอลเอ ทีมงาน La Buena Muerte ที่นำโดยโปรดิวเซอร์ฝ่ายบริหาร Manon Banta กำลังทำงานอย่างหนักในห้องตัดต่อภาพยนตร์ที่หรี่ไฟให้มืด การตรวจดูบทสัมภาษณ์และ B-roll จำนวนมากซึ่งทั้งหมดถ่ายทำแบบคาไลโดสโคปด้วยกล้อง Red Raven 4.5K โดย Elle Schneider ดูเหมือนจะเป็นงานที่ยากลำบากในตอนแรก แต่โชคดีที่ข้อมูลขนาดใหญ่ของพวกเขาได้รับการจัดระเบียบโดยอัตโนมัติหลังจากอิมพอร์ตเข้า Final Cut Pro X โดยตรงจาก Shot Notes X และ Lumberjack พร้อมด้วยออดิโอดั้งเดิมชุดสำรองผ่าน Sync-N-Link X ทั้งหมดนี้ช่วยประหยัดเวลาในการซิงค์เองไปได้หลายวัน
คำแนะนำที่มีประโยชน์ที่สุดเกี่ยวกับการวางโครงเรื่องน่าจะมาจาก TJ Martin ผู้กำกับ LA 92 และ Undefeated ซึ่งชนะรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมในปี 2012 และเป็นเรื่องที่ผู้กำกับ Jean Balest นำไปใช้เป็นสื่อการสอนใน Mobile Film Classroom ด้วย ระหว่างการตัดต่อ Martin รู้สึกว่ามีจุดหนึ่งในเรื่องที่เขาคิดว่าควรจัดวางให้ถูกต้องก่อน นั่นคือ การเปิดตัวลูกสาว Tara Ramirez ตอนที่ยืนอยู่เหนือแท่นบูชาข้างๆ Lynn King แม่ของเธอ ผู้ซึ่งเปิดเผยว่าเธอกำลังรับมือกับการเสียชีวิตของตัวเองที่ใกล้เข้ามาทุกที เนื่องจากหมอตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งระยะที่ 4 “ผมชอบการเปิดเผยความลับนะ” Martin กล่าว "เรื่องที่คุณเพิ่งเฉลยออกมานั่นน่ะ ผมอยากฟังต่อ คุณจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ยังไง"
The Box จำเป็นต้องมีการถ่ายเก็บรายละเอียด โลกแห่งความฝันที่ Gimpirea สร้างขึ้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Inception ของ Christopher Nolan นั้น จำเป็นต้องถ่ายทอดออกมาให้ชัดเจน Valerie Faris ผู้กำกับร่วมจากเรื่อง Little Miss Sunshine และ Battle of the Sexes ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ไปเยี่ยมชมการทำงานของ Gimpirea และให้คำแนะนำเกี่ยวกับช็อตเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรเก็บให้ครบ ซึ่ง Gimpirea ก็รับฟังอย่างตั้งใจ Faris แนะนำให้ Gimpirea เน้นการเล่าเรื่องจากมุมมองของหนุ่มน้อยในช่วงที่เขาได้เดินทาง “เราสามารถเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเด็กและใช้มุมมองจากเขาได้เยอะ” Faris กล่าว "ฉันจะอินมากกว่าถ้าได้ท่องเที่ยวไปกับเขาด้วยและเห็นสิ่งเดียวกับที่เขาเห็น"
ช่วงหลังการถ่ายทำ Gimpirea ทำให้ทุกคนเห็นว่าเธอเป็นคนที่ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี เธอมักจะอยู่ใกล้ๆ Antonio Manriquez ผู้เป็นครูสอนการผลิตวิดีโอที่โรงเรียน Hollywood High และเป็น Distinguished Educator ของ Apple รวมทั้งมีทีมงานอยู่ข้างๆ เสมอ ทีมงานของเธอนำโดย Kais Karram (ผู้ช่วยผู้กำกับ) และฝาแฝดของเขา Zane (ช่างภาพ) ซึ่งทั้งสองคนเป็นกัปตันร่วมของทีมฟุตบอล Sheiks ทีมฟุตบอลมัธยมปลายเพียงทีมเดียวในประเทศที่ตั้งชื่อตามภาพยนตร์ของ Rudolph Valentino ร่างกายอันแข็งแรงและการควบคุมกองถ่ายของสองพี่น้องมีประโยชน์อย่างมากในการถ่ายทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันที่มีการถ่ายทำตลอดทั้งวันที่ Griffith Park เพราะพวกเขาต้องควบคุมการเคลื่อนกล้องตามหลังนักแสดงฝีเท้าไวอย่าง Aaron Bradshaw ระหว่างนักแสดงหนุ่มน้อยเดินสำรวจทางเดิน ซึ่งทีมงานกันคนในสวนออกไปหมดแล้ว "คุณเห็นไหมว่าทุกอย่างดูเขียวไปหมดเลยในกล้อง" Kais ถามระหว่างเทค พร้อมเล่นวิดีโอบน MacBook Pro ไปด้วย “ภาพสวยชัด คมกริบจริงๆ”
การเลือกเพลงก็เป็นส่วนสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับ Amigone สำหรับธีมหลัก เธออยากได้เสียงที่ทำให้นึกถึง “After the Rain” ของ John Coltrane และ “Clair de Lune” ของ Claude Debussy เธอจึงเลือกเพลงต้นตำรับสุดโรแมนติกของ John Mickevich นักแต่งเพลงและสมาชิกจากกลุ่ม We Make Movies Sam Mestman ผู้ก่อตั้งและ CEO กล่าวว่า We Make Movies เป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์บริษัทแรกในโลกที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากชุมชน นอกจากนี้ Mestman ยังเป็น CEO ของ LumaForge บริษัทผู้พัฒนา Jellyfish Mobile หรือที่เขาเรียกว่า "คลาวด์แบบพกพาได้" ซึ่งเป็นที่ที่ Amigone ใช้เก็บฟุตเทจไว้อย่างปลอดภัยและซิงค์ไฟล์ขณะอยู่ที่เซ็ทถ่ายทำ โดยใช้ร่วมกับ MacBook Pro สองเครื่อง Mestman เชื่อว่า "การตัดต่อควรทำหน้าเซ็ท" และระบบอัตโนมัติช่วยให้นักสร้างภาพยนตร์รุ่นเยาว์สามารถทำเช่นนั้นได้ และผลก็คือทีมตัดต่อใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น ในขณะที่อีกทีมในสตูดิโอเต้นรำยังถ่ายทำกันไม่เสร็จ
Aaron Kaufman ซึ่งเป็นผู้กำกับและพาร์ทเนอร์ในการผลิตภาพยนตร์ของ Robert Rodriguez มาอย่างยาวนาน ได้มาเยี่ยมเยียนกองถ่ายและกระตุ้นทีมงานว่าจะต้องมีการเสียช็อตดีๆ ไปบ้างเพื่อแลกกับภาพยนตร์อันยอดเยี่ยม ทีมถ่ายทำสารคดีรับฟังคำแนะนำของ Kaufman รวมทั้ง Gimpirea ด้วย เธอจึงตัดซีนจาก Calvary Cemetery ออกไปทั้งหมด
เมื่อการทำงานใกล้สิ้นสุดลง Gimpirea ทบทวนเกี่ยวกับสิ่งที่เธอประสบ “การได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในขั้นตอนหลังการถ่ายทำนี้ทำให้ฉันมองการถ่ายทำและขั้นตอนก่อนหน้านั้นแตกต่างออกไป และฉันมองเห็นว่าตัวเองต้องการอะไร” เธอกล่าว
James Hughes เป็นนักเขียนและผู้กำกับในชิคาโก้
เบื้องหลังการถ่ายทำ
รูปภาพการผลิตภาพยนตร์สั้น