ฟีเจอร์ 22 เมษายน 2562

อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อทุกชีวิตบนโลก

Apple ร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ และพันธมิตรชุมชนชาวโคลอมเบียในการปกป้องต้นไม้ชายฝั่งที่สามารถดักจับคาร์บอน

ป่าชายเลนใน Cispatá Bay บนชายฝั่งแคริบเบียนของประเทศโคลอมเบีย
ในช่วงโครงการ Give Back เนื่องในวันคุ้มครองโลกปี 2018 ของ Apple บริษัทได้ทำงานร่วมกับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติเพื่อปกป้องป่าชายเลน 27,000 เอเคอร์ใน Cispatá Bay บนชายฝั่งแคริบเบียนของโคลอมเบีย
รากของต้นโกงกางเปรียบเสมือนเส้นเลือด เพราะรากเหล่านี้ทั้งโผล่ขึ้นและทอดตัวอยู่ในน้ำเค็มของ Cispatá Bay ใน Córdoba ประเทศโคลอมเบีย โดยแผ่ปกคลุมไปทุกทิศทางตามแนวชายฝั่งของทะเลแคริบเบียน ช่องทางหลายๆ ช่องรวมกันเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำซินู ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวที่สามารถเข้าและออกจากป่าชายเลนได้และเป็นสถานที่ทำงานของชาวประมงและคนตัดไม้
Luis Roberto Canchila Avila ประธานของ Asoamanglebal ซึ่งเป็นองค์กรเกี่ยวกับป่าชายเลนแห่งแรกของ San Bernardo del Viento ใน Córdoba กล่าวว่า "ตอนนี้คนของเรากำลังพยายามเปิดเส้นทางให้น้ำไหลผ่านไปได้" "เพราะตอนนี้เป็นฤดูร้อน จึงมีบางพื้นที่ที่น้ำไหลผ่านไม่เหมือนกัน ทำให้ปลาตายจากการขาดออกซิเจน" ความสมดุลเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากมีน้ำจากแม่น้ำมากเกินไปหรือมีน้ำเค็มน้อยเกินไป ป่าชายเลนทั้งหมดก็จะตาย
Mangrove roots.
Below the waterline of these coastal ecosystems, soil and sediment capture and store carbon for centuries. Mangroves can store up to 10 times more carbon per acre than a typical terrestrial forest.
รากของต้นโกงกาง
ดินและตะกอนดินที่อยู่ใต้น้ำของระบบนิเวศชายฝั่งแห่งนี้ได้ดักจับและกักเก็บคาร์บอนไว้เป็นเวลานานหลายศตวรรษ ป่าชายเลนสามารถกักเก็บคาร์บอนต่อเอเคอร์ได้มากกว่าป่าทั่วไปที่อยู่บนบกถึง 10 เท่า
ป่าชายเลนมีความสำคัญต่อชุมชนที่อยู่ตามแนวชายฝั่งของโคลอมเบียมาเป็นเวลาช้านาน เพราะป่านี้คอยปกป้องผู้คนจากพายุและเป็นแหล่งผลิตอาหารและไม้ให้กับครอบครัว อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อโลกใบนี้อีกด้วย เนื่องจากคอยดูดซับคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศและกักเก็บไว้ในดินที่อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานหลายศตวรรษ งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ชี้ให้เห็นว่าป่าชายเลนสามารถกักเก็บคาร์บอนต่อเอเคอร์ได้มากกว่าป่าบนบกถึง 10 เท่า
แต่การทำไร่ ตกปลา และตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย รวมถึงภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงต่างก็เป็นอันตรายต่อการคงอยู่ของป่าชายเลน Canchila Avila กล่าวว่า "มีพวกผิดกฎหมายหลายกลุ่มกำลังหาประโยชน์จากป่าชายเลน" "พวกนั้นไม่รับรู้และไม่สนใจหรอกว่าเราพยายามอนุรักษ์ป่านี้ไว้แค่ไหน" องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติชี้ให้เห็นว่าเมื่อป่าชายเลนและระบบนิเวศชายฝั่งอื่นๆ เสื่อมสภาพหรือถูกทำลาย ก็จะปล่อยคาร์บอนที่กักเก็บไว้นานหลายศตวรรษออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก พวกเขาคาดว่าระบบนิเวศชายฝั่งที่เสื่อมสภาพจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมาถึง 1 พันล้านเมตริกตันต่อปี1 ซึ่งเท่ากับปริมาณคาร์บอนทั้งหมดที่รถยนต์ รถบัส เครื่องบิน และเรือในอเมริกาปล่อยออกมารวมกันในปี 2017
แผนที่ของพื้นที่คุ้มครองทางทะเล Cispatá ใน Córdoba ประเทศโคลอมเบีย
พื้นที่คุ้มครองทางทะเล Cispatá ใน Córdoba ประเทศโคลอมเบียมีป่าชายเลนกว้าง 27,000 เอเคอร์ โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ ตามช่วงเวลาที่กำหนดให้คนงานในป่าชายเลนสามารถใช้งานพื้นที่นั้นๆ ได้
ชาวประมงท้องถิ่นใน Cispatá Bay เดินเรือผ่านเส้นทางเข้าออกจากป่าชายเลนนี้
ชาวประมงท้องถิ่นใน Cispatá Bay เดินเรือผ่านเส้นทางเข้าออกจากป่าชายเลนนี้พร้อมกับปลาที่จับมาได้ ปลาที่พบได้ทั่วไปในแถบนี้ ได้แก่ ปลากระพง ปลาสนุกเกอร์ ปลาดอกหมาก และปลาอินซีเน็ตลาย
ในเช้าวันหนึ่งที่อากาศร้อนชื้นของเดือนเมษายน Cispatá Bay ดูเงียบสงบ เว้นแต่มีชาวประมงท้องถิ่นสองสามคนที่กำลังหว่านแหทอมือลงในน้ำทะเลที่สูงระดับเอว ที่นี่ องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ และสถาบันวิจัย Invemar กำลังเก็บตัวอย่างดินของป่าชายเลนเพื่อนำไปวิเคราะห์หาคาร์บอนที่กักเก็บไว้ในตะกอนดินใต้น้ำ หรือที่เรียกกันว่า "บลูคาร์บอน" องค์กรทั้งสามแห่งร่วมกับ Omacha Foundation กำลังออกแบบวิธีการจัดการกับคาร์บอนเพื่อเป็นแรงจูงใจให้เกิดการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนในภูมิภาค โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลท้องถิ่น (CVS) และชุมชนท้องถิ่น
สำหรับโครงการ Give Back เนื่องในวันคุ้มครองโลกปี 2018 ของ Apple นั้น Apple ได้ทำงานร่วมกับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติเพื่อปกป้องและฟื้นฟูป่าชายเลน 27,000 เอเคอร์ใน Cispatá Bay ซึ่งคาดว่ากักเก็บ CO2 ไว้ถึง 1 ล้านเมตริกตันตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ในงานประชุมเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับสภาพอากาศทั่วโลกที่จัดขึ้นในเดือนกันยายนที่แล้วในแคลิฟอร์เนีย Lisa Jackson รองประธานฝ่ายโครงการด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย และสังคมของ Apple ได้เน้นย้ำเรื่องความสำคัญของการอนุรักษ์ป่าชายเลน เธอพูดว่า "ป่าเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่มีค่ามหาศาลเพราะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ" "เราสูญเสียป่าชายเลนกว่าครึ่งทั่วโลกตั้งแต่ช่วงปี 1940 เป็นต้นมา ถึงเวลาแล้วที่เราควรเริ่มอนุรักษ์และปกป้องป่าเหล่านี้"
โครงการขององค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติเป็นโครงการแรกในโลกที่วัดปริมาณบลูคาร์บอนเครดิตทั้งในต้นไม้และดินอย่างเต็มรูปแบบ และจะเป็นโครงการตัวอย่างในการวัดค่าการกักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศป่าชายเลนทั่วโลก และการจำกัดการปล่อยคาร์บอนที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าในบริเวณนี้
María Claudia Díazgranados Cadelo นักชีววิทยาทางทะเลและผู้อำนวยการโปรแกรมสิ่งจูงใจของชุมชนและทะเล (Marine and Community Incentive Programs) ขององค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติกล่าวไว้ว่า "เรากำลังเริ่มทดลองใช้โครงการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำแบบใหม่นี้" "เราต้องพัฒนาวิธีการวัดปริมาณคาร์บอนในองค์ประกอบดินจากป่าชายเลนให้ดียิ่งขึ้น วิธีการอื่นๆ ใช้เพียงมวลชีวภาพเหนือพื้นดินโดยไม่คำนึงถึงดินเลย ซึ่งเป็นที่กักเก็บคาร์บอนที่สำคัญที่สุดของป่าชายเลนและระบบนิเวศชายฝั่ง"
José Gregorio Padilla Bautista ผู้ช่วยภาคสนาม CVS เก็บตัวอย่างดิน
José Gregorio Padilla Bautista ผู้ช่วยภาคสนาม CVS เก็บตัวอย่างดินที่ระดับความลึก 50 ซม. และอ่านปริมาณคาร์บอนในป่าชายเลนของ Cispatá Bay
María Claudia Díazgranados Cadelo และทีมจากองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติตรวจสอบตัวอย่างดิน
María Claudia Díazgranados Cadelo จากองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ และ Selene Rojas Aguirre จาก Invemar และทีมผู้ช่วยภาคสนามนำตัวอย่างดินไปยังหนึ่งในสถานที่ตรวจสอบดิน 25 แห่ง เพื่อทดสอบหาคาร์บอน
ทีมภาคสนามขององค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติตรวจสอบตัวอย่างดิน
เพื่อให้ได้ตัวอย่างดินที่ถูกต้อง ทีมภาคสนามขององค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ และ Invemar ใช้เครื่องเก็บตัวอย่างตะกอนดินแบบท่อเพื่อสกัดดินที่ระดับความลึก 50 ซม. ออกมา แล้ววัดปริมาณคาร์บอนและระยะเวลาที่ดินกักเก็บคาร์บอนไว้
เลยอ่าวออกไป มีหลายร้อยครอบครัวอาศัยและหาเลี้ยงชีพกับป่าชายเลน mangleros ตามที่เราเรียกกัน เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายของสมาคมอนุรักษ์ป่าชายเลนท้องถิ่นที่ก่อตั้งเพื่ออนุรักษ์และปกป้องป่าชายเลนรวมถึงชุมชนต่างๆ ที่หาอาหารและรายได้จากป่าชายเลน
ในเมือง San Antero ที่อยู่ใกล้เคียง ชาวพื้นเมือง Cispatá ชื่อ Ignacia De La Rosa Pérez คอยจัดการความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนและองค์กรไม่แสวงผลกำไรต่างๆ ผ่านสมาคมป่าชายเลนอิสระ (Independent Mangrove Association) De La Rosa Pérez บอกว่า "ฉันเกิดในป่าชายเลนจริงๆ" "ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันเริ่มพาคนอื่นๆ เข้าไปในป่าและสำรวจสิ่งมีชึวิตต่างๆ ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นผู้นำ แต่ทุกคนก็ตามฉัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำงานด้านนี้"
ตั้งแต่ปี 1976 De La Rosa Pérez ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับป่าชายเลน รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นั่น สภาพของป่าชายเลน และช่องทางต่างๆ ที่ทอดผ่านป่า ตู้หนังสือสองตู้ในที่ทำงานกึ่งที่พักของเธอเต็มไปด้วยแฟ้มที่เก็บแผนที่และการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับลักษณะของต้นไม้ชายฝั่งเหล่านี้ เธอมีข้อมูลมหาศาลเกี่ยวกับภูมิภาคนี้ตั้งแต่ก่อนที่ Cispatá Bay จะกลายเป็นระบบย่อยของพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (Marine Protected Area Subsystem) ซึ่งเป็นคำที่ปรากฏอยู่ในแฟ้มสองสามเล่มที่บ้านของ De La Rosa Pérez ด้วยเช่นกัน
Ignacia de la Rosa Pérez อนุรักษ์ป่าชายเลนใน Cispatá Bay มาตั้งแต่ช่วงปี 1970
Ignacia de la Rosa Pérez ชาว Cispatá และตัวแทนจากชุมชน Independent Mangrove Association เป็นหัวแรงในการอนุรักษ์และบันทึกสภาพของป่าชายเลน Cispatá Bay ตั้งแต่ช่วงปี 1970
“เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของปากแม่น้ำ” De La Rosa Pérez กล่าว “เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการทางนิเวศวิทยาหลายประการ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ต้นโกงกางต้นเดียวที่อยู่มาตั้งแต่สามสี่ร้อยปีก่อนตอนนี้เริ่มโตบนบก เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนก็เริ่มเลี้ยงตัวเองจากป่าชายเลน”
เท่าที่ De La Rosa Pérez จำได้ ชุมชนนี้จะขายทุกสิ่งที่หาได้จากป่าไม่ว่าจะเป็น ไม้ เปลือกไม้ ปลา และปู De La Rosa Pérez จึงรู้สึกโกรธมากเมื่อนักการเมืองท้องถิ่นพยายามตราหน้าคนที่ทำงานในป่าชายเลนว่าเป็นผู้ทำลายสิ่งแวดล้อม แม้ว่าคนงานในป่าชายเลนจะถูกกล่าวหาว่าทำให้ต้นไม้ตายเพราะตกปลาและตัดไม้ แต่ความจริงคือต้นไม้ในป่านั้นตายเอง

“เราเริ่มสื่อสารกันด้วยวิธีใหม่ที่ใช้ศัพท์เฉพาะทางของผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่เทคนิค นักวิทยาศาสตร์ และชุมชน”

“ตอนฉัน 3 ขวบก็แข่งกับคนอื่นๆ ว่าใครจะเจอต้นไม้ต้นใหญ่ที่สุดที่ถูกฝังไว้ก่อน” De La Rosa Pérez กล่าว “ต้นโกงกางตายลงเพราะว่าน้ำเค็มหรือไม่มีแควน้ำ ฉันหาหนทางแก้ปัญหานั้นได้ในปี 92 โดยไปที่เหมืองเกลือกับคนงานในป่าชายเลน พวกเขาขุดดินด้วยมือและพลั่ว ดึงต้นไม้ขึ้นมาเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ตัดจริงๆ" 
การพิสูจน์ครั้งนั้นได้วางรากฐานความร่วมมือระหว่างชุมชนท้องถิ่นและ CVS ในการพัฒนาวิธีการนำต้นโกงกางมาใช้อย่างยั่งยืน หนึ่งในแผนที่เรามีคือจะใช้ต้นโกงกางในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้นเพื่อให้ป่าแต่ละโซนเติบโตให้ทันกัน
“เราเริ่มสื่อสารกันด้วยวิธีใหม่” De La Rosa Pérez อธิบาย “ที่ใช้ศัพท์เฉพาะทางของผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ทางเทคนิค นักวิทยาศาสตร์ และผู้คนในชุมชน ซึ่งทำให้เราเติบโตและสามารถทำเป้าหมายให้สำเร็จได้ดังที่เห็นทุกวันนี้”
ชาวประมงในซานอันเตโรถักแหด้วยมือ
ในเมืองซานอันเตโร ในกอร์โดบา ประเทศโคลอมเบีย ชุมชนท้องถิ่นพึ่งพาป่าชายเลนเพื่อความอยู่รอดโดยหาอาหารและไม้จากป่า ชาวประมงท้องถิ่นถักแหด้วยมือ
Betsabe López Macias อดีตนักล่าจระเข้จับจระเข้ปากแหลมที่ใกล้สูญพันธุ์
การอนุรักษ์ระบบนิเวศป่าชายเลยต้องอาศัยการร่วมมือร่วมใจกัน Betsabe López Macias เป็นอดีตนักล่าจระเข้ซึ่งตอนนี้ผันตัวมาทำงานกับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติและพันธมิตรเพื่ออนุรักษ์จระเข้าปากแหลมที่ใกล้จะสูญพันธุ์
ไข่จระเข้ปากแหลมสองตัว
โครงการของชุมชนที่มุ่งเปลี่ยนแปลงนักล่าให้เป็นผู้อนุรักษ์ส่งผลให้เกิดการอนุรักษ์และปล่อยจระเข้กลับสู่แหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติเกือบ 10,000 ตัวในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา
ในเมืองซานเบอร์นาโดเดลเวียนโตซึ่งห่างจากซานอันเตโรไปทางตะวันออก 25 ไมล์ Canchila Avila พนักงานที่ Asoamanglebal ก็เป็นตัวกลางประสานงานระหว่างชุมชน องค์กรและรัฐบาลในท้องถิ่นเช่นกัน Canchila Avila ประสานงานในการตัดต้นโกงกางเพื่อเปิดทางให้น้ำไหลพร้อมกับมอบใบอนุญาตตัดไม้เพื่อนำไปขายเพื่อการก่อสร้างอีกด้วย “ถึงเราจะใช้ทรัพยากรจากป่าชายเลนแต่เราก็อนุรักษ์มันเช่นกันครับ” Canchila Avila กล่าว "หากเราเห็นว่าบริเวณนี้มีต้นไม้น้อยก็รู้ได้ทันทีว่าต้องฟื้นฟูให้เหมือนเดิม โดยปล่อยให้ต้นไม้โตแล้วก็ปลูกต้นไม้เพิ่ม”
“เรารู้จักพื้นที่นี้และระดับความสูงของตลิ่งแม่น้ำดี เราเลยสามารถตัดต้นไม้ได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิค เพราะเราโตมาก็เห็นวิธีการทั้งหมดแล้ว” Canchila Avila กล่าว “และวันนี้เราจะประยุกต์ใช้ความรู้ทางเทคนิคที่ได้จาก CVS กับประสบการณ์ของเราเอง”
Luis Roberto Canchila Avila ประธานสมาคมป่าชายเลน Asoamanglebal ในซานเบอร์นาโดเดลเวียนโต ในเมืองกอร์โดบา ประเทศโคลอมเบีย
Luis Roberto Canchila Avila ประธานสมาคมป่าชายเลน Asoamanglebal ในซานเบอร์นาโดเดลเวียนโต ในเมืองกอร์โดบา ประเทศโคลอมเบียกำลังตกลงเซ็นสัญญาและมอบใบอนุญาตให้กับคนตัดไม้ในท้องถิ่น
คนตัดไม้ในเรือพร้อมกับท่อนไม้โกงกางที่ตัดและเล็มเรียบร้อย
คนตัดไม้กลับจากป่าชายเลนในยามบ่ายพร้อมแบกท่อนไม้โกงกางที่ตัดและเล็มพร้อมขายเพื่อการก่อสร้างในเมืองใกล้เคียง
Canchila Avila, De La Rosa Pérez, Díazgranados ทีมนักชีววิทยาทางทะเล และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นกำลังหลักในการอนุรักษ์ป่าชายเลน หากพวกเขาไม่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับป่าชายเลนมาก่อนก็คงไม่สามารถอนุรักษ์ป่าไว้ได้
“พวกเขาเป็นกำลังหลักในการอนุรักษ์ป่า” Díazgranados กล่าว
ผู้คนที่ Cispatá Bay มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับป่าชายเลน ทุกๆ ปีพวกเขาจะฉลอง Festival of the Donkey ในช่วงสัปดาห์อันศักดิ์สิทธิ์เพื่อระลึกถึงความผูกพันนี้ เรื่องราวจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้รับการร้อยเรียงใหม่ผ่านมุมมองของนักเชิดหุ่นกระบอกในท้องถิ่น ชายผู้หนึ่งขี่ลาใส่หน้ากากไปยังจัตุรัสกลางเมืองที่เขาถูกตัดสินประหารชีวิตและต้องอ่านเจตจำนงสุดท้ายของตน เขาประกาศว่า: “ข้าได้ทิ้งต้นโกงกางไว้ให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน”
Mangroves เติบโตได้ดีในน้ำเค็ม
แม้ว่าต้นโกงกางจะเติบโตในน้ำเค็มได้ แต่การทำเกษตรกรรมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็ส่งผลต่อความอยู่รอด การอนุรักษ์ต้นโกงกางเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงในรุ่นต่อไป

รูปภาพของ Mangrove Conservation

    1 Pendleton, L., D.C. Donato, B.C. Murray, S. Crooks, W.A. Jenkins, S. Sifleet, C. Craft, J.W. Fourqurean, J.B. Kauffman, N. Marbà, P. Megonigal, E. Pidgeon, D. Herr, D. Gordon and A. Baldera. “Estimating Global ‘Blue Carbon’ Emissions from Conversion and Degradation of Vegetated Coastal Ecosystems,” 2012.

สื่อมวลชนสัมพันธ์

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

media.thailand@apple.com